Travel & Adventure in Thailand – Tips, Food, and Culture โดย Sandy Freestyle

รีวิวเที่ยว Blue Mountains ตอนที่ 2 บัสแดงพาไปไหน? โดย Sandy

ทัวร์บัสแดงที่ Blue Mountains จะจอดตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ถึง 29 ป้าย โดยเราสามารถดูข้อมูลจากหนังสือข้อมูลการท่องเที่ยวที่เป็นตั๋วบัส แล้วถ้าเราสนใจตรงจุดไหนปก็กดกระดิ่งลงได้เลยค่ะ

สำหรับบทความนี้เราอยากรีวิวเที่ยวด้วย Blue Mountains Explorer Bus หรือ บัสแดง ซึ่งเป็นการสนันสนุนการท่องเที่ยวภายในจังหวัดที่ดีเยี่ยม เราประทับใจในส่วนนี้มากค่ะ จะเห็นได้ว่ามีการแนะนำ ร้านค้า ที่พัก น่าจะคล้ายๆ เป็นของดีประจำจังหวัดนั้นเอง

จากความเดิมตอนที่แล้วเราไปเที่ยว Scenic World ต่อไป Sandy ก็ได้ต่อรถบัสแดงไป highlights ของที่นี่อย่าง Echo point, Three Sister และ Leura Cascades

 

Blue Mountains Explorer Bus

การเดินทางบัสแดงเริ่มจาก สถานีรถไฟ Katoomba นั้นคือป้ายที่ 1 นั้นเองค่ะ นั่งรถผ่านในเมือง ข้อดีของบัสแดง เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีรถ คุณสามารถขึ้นและลงรถบัสกี่รอบก็ได้เท่าที่คุณต้องการใน 1 วัน ขณะที่คุณสำรวจ Blue Mountains ทัวร์ด้วยบัสแดงจะพาเราไปสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญใน Katoomba แบบเต็มวัน ด้วย 29 ป้าย

เริ่มจาก สถานีรถไฟ Katoomba

รถบัส Explorer Bus เป็นรถบัส 2 ชั้น ทั้งสะอาดและกว้างขวาง

ชั้นบนก็ถ้าได้นั่งด้านหน้าก็โชคดีมากค่ะ ได้เห็นวิวชัดๆ แถมยังมีที่ชาร์ตแบต USB ให้ด้วย

ขึ้นบัสแดงป้ายที่ 1 นั่งรถผ่านในเมือง Katoomba 

ถนน Katoomba Street เป็นเส้นหลักกลางเมืองคาทูมบา

เมืองเงียบสงบ เรียบง่ายค่ะ

ระหว่างที่ผ่านร้านค้าไกด์ก็จะแนะนำร้านค้าขึ้นชื่อของเมือง อย่างร้านขนมปัง The Gingerbread House ก็จะเห็นว่าติดป้ายบัสแดงไว้หน้าร้านด้วย แต่นี่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของเรานะคะ

สำหรับคนที่ขับรถมาเองก็ไม่ต้องกังวลเลยมีป้ายบอกทางไป Echo Point และ Three Sisters ชัดเจนเลย

เมื่อออกมาจากตัวเมืองคาทูมบา บ้านเรือนก็จะเป็นชั้นเดียวซะส่วนใหญ่ แล้วก็เห็นหลายหลังติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ซะด้วย

สำหรับต้นไม้ตอนแรกเห็นก็รู้สึกแปลกใจค่ะ ทำไมเป็นแบบนี้จนนั่งผ่านด้านหน้าเลยทำให้เข้าใจว่าเขาตัดเพื่อให้แสงอาทิตย์สามารถส่องผ่านเข้าไปถึงในตัวบ้านได้ค่ะ เก๋ไก๋ไปอีกแบบเลยล่ะ

ชอบรั้วบ้านหลังนี้มากเลย

เริ่มจุดท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ ป้ายที่ 7 Katoomba Cascades ค่ะ แต่ป้ายนี้เรายังไม่ลงอีกเช่นกัน

Katoomba Cascades อยู่ติดกับสวนสาธารณะ มีโต๊ะนั่งพักปิคนิก และมีที่จอดรถ จากจุดนี้สามารถเดินระยะสั้นไปที่ น้ำตก Katoomba Falls Park บน Cliff Drive ได้ด้วยค่ะ

เมื่อถึงสวน Katoomba Cascades คนขับก็ถามว่ามีใครจะลงไหม แน่นอนว่าไม่ค่ะ

ป้ายที่ 8  Scenic  World สถานที่ท่องเที่ยวหลักชื่มวิวบลูเมาเท่น คลิกที่นี่

เมื่อเที่ยวภายใน Scenic World เสร็จเรียบร้อย ก็ออกมารอรถบัส

รถบัสมาแล้ววว มาตรงเวลาเลย

ถนนเป็น 2 เลน ระหว่างทางจะเห็นต้นไม้สีสันสวยงาม

เห็นบ้านหลายหลังปลูกต้นไม้ออกดอกกำลังสวยเลย อยากลงไปถ่ายรูปไว้

ตามเส้นทางที่รถบัสแดงผ่านก็จะเจอจุดชมวิวเล็กๆ

จุดชมวิวย่อยพื้นที่ค่อนข้างแคบ เหมาะสำหรับรถยนต์ส่วนตัวซะมากกว่า

และแล้วรถบัสก็พาเรามาลงจุดชมวิว ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าชื่ออะไร ตอนแรกก็แบบว่าไม่ค่อยอยากลง ดูแล้วงั้นๆ แต่ว่าลุงคนขับลงมาเป็นไกด์ด้วยนี้ซิ เลยต้องลงมา เขาแนะนำเกี่ยวบลูเมาเท่น ชวนคุยเป็นกันเองน่ารักมากๆ เลยค่ะ

ลุงคนขับแถมใจดี ยังเป็นตากล้องให้ด้วยอีกน่ะ

ปล่อยมุขอีกด้วยว่า มีใครอยากเดินไปที่ภูเขานั้นบ้างใช้เวลาแค่ 2-3 วัน เอง!

จุดชมวิวนี้ก็เห็นบลูเมาเท่นได้เหมือนกัน แต่ยังมีต้นไม้บังตาอยู่

จุดนี้เราอยู่กันไม่นานค่ะ แป๊ปหนึ่งก็ต้องไปต่อ

สุดท้ายก่อนจากกันก็ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อย

ป้ายที่ 14 Echo Point  เป็นไฮไลท์อีกแห่งของ Blue Mountains ที่คุณสามารถชมเทือกเขาบลูเมาเท่น และแทนหิน Three Sisters แม้กระทั่งคุณสามารถเดินเท้าไปต่อที่ Honeymoon Lookout อีกได้ด้วย

ที่นี่เป็นจุดชมวิวหลักเลยก็ว่าได้ ทำไมลานกว้างอย่างนี้ น่าจะเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหล่มากัน และนักท่องเที่ยวชาวเอเชียก็มากันเยอะซะด้วย โดยเฉพาะทัวร์จีนสามารถเห็นทั่วทุกที่

Echo Point จุดชมวิวหลักสามารถชมวิวได้ 180 องศา เลยทีเดียว

ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไม?ถึงต้องมาที่นี่  ทัศนียภาพแบบนี้หาที่ไหนได้ง่ายๆ ภูเขาที่นี่มันใหญ่มาก สวยมาก แล้วท้องฟ้าวันนี้ก็สวยด้วย อากาศบริสุทธิ์ เมฆลอยตัวผ่านหุบเขา สวยยันเงา

มีเรื่องจะเม้าส์ว่า เคยมีฝรั่งทักว่าภูเขาบ้านยูนะเรียกว่า Hills นะ ไม่ใช่! Mountains

“เราก็งงทำไมจะเรียกไม่ได้มันก็ภูเขา จนตอนนี้เข้าใจอย่างท่องแท้เลยค่ะ ขนาดภูเขาบ้านเราส่วนใหญ่จะเรียกว่า Hills เป็นเนินเขา เช่น ดอยอินทนนท์ หรือดอยสุเทพ ส่วนที่จะเรียกว่า Mountains ก็แบบในภาพนี่ละคะ”

เดินจากด้านบน Echo Point ลงมา ก็มีพื้นที่อีกระดับ ชื่อ Queen Elizabeth Lookout สามารถชมวิวได้เช่นกัน

จุดชมวิว Queen Elizabeth Lookout สามารถมองเห็น Three Sisters ได้ชัด ซึ่งยอดหิน 3 สาว ยืนเรียงกันตรงนั้นเราสามารถเดินไปถึงได้ด้วยนะคะ (ซึ่งนั้นจะเป็นเป้าหมายต่อไปของเรา)

ด้านหน้าของจุดชมวิวก็เป็นที่จอดของรถบัสค่ะ ตรงนี้บัส 686 ก็มาถึงด้วย

แล้วยังมีห้องน้ำสาธารณะและศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว

ทางซ้ายมือในรูปเป็นห้องน้ำ ทางเข้าตรงกลางสามารถเดินไปที่ The Three Sister หรือ Honeymoon Lookout ก็ได้นะคะ

ถ้าใครที่มาถึง Echo Point  แล้วหิวก็มีร้านอาหารอยู่ใกล้ๆ กัน

ภายในมีทั้งร้านอาหารและชั้นล่างก็มีซุปเปอร์มาร์เก็ต

ป้ายที่ 15 Honeymoon Lookout

เราได้ขึ้นรถบัสแดงมาลงที่ป้าย 15 เพื่อที่จะไป Honeymoon Lookout  ซึ่คล้ายๆ กับการเดินป่า แต่เส้นทาไม่โหดนะคะ เราได้ไปเรื่อยๆ จนถึงยอดหิน 3 สาว Three Sisters

จากป้าย Honeymoon Lookout ชื่อดูดีมาก ฟังดูโรแมนติกอีกต่างหาก ตื่นเต้นจังเลยค่ะ

จากตรงนี้ก็เดินป่าลงไปไม่ไกล ก็จะไปที่ถึงเขาหิน Three sister เดินๆ ไปแอบกังวลเล็กน้อยว่า จะไกลมากแค่ไหน

ธรรมชาติที่นั้นสมบูรณ์อยู่เลยค่ะ เห็นนกยูงป่าด้วย

ข้างหน้าเราเป็นหน้าผาสูง

เจอป้ายบอกทางแล้วค่ะ ว่า Three sisters ไปทางไหน ซึ่งจุดนี้สามารถเดินต่อไปที่ Leura และ Gordon แต่ต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงเลย

ในที่สุดก็มาถึงจุดพักก่อนที่เราจะลงไป Three sisters ขอเวลาพักสักนิดหนึ่งก่อนที่เราจะไต่บันไดลงไปกัน

ตอนนั้นเวลาเกือบประมาณบ่าย 4 โมงเย็น อากาศก็ยังหนาวเย็น แม้มีแสงอาทิตย์ จากที่เห็นนักท่องเที่ยวที่เป็นฝรั่ง เขาแต่งตัวกันชิลๆ ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าหนาๆ อะไรเป็นพิเศษต่างจากเราคนเอเชีย บางคนใส่แต่เสื้อยืดบางๆ เราเห็นเราตกใจมาก

Blue Mountains นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว แล้วยังเป็นสถานที่ออกกำลังกายสำหรับคนที่ชอบเดินเขาหรือไต่เขาด้วยน่ะ

การท่องเที่ยวที่นี่ดีมาก ไม่ว่าจะไปตรงไหนก็มีจุดชมวิวที่ทำให้เราอยากถ่ายรูปเก็บไว้อีกเยอะๆ เลย

Giant Stairway
ไจแอนท์บันไดที่เราจะไต่ลงไปยอดเขา Three sisters  แล้วจุดเด่นอยู่ที่ขั้นบันไดนั้นสูงชันและแคบมาก ทั้งหมด 998 ขั้น (โดยประมาณ) ตอนแรกก็กลัวๆ ว่าจะปลอดภัยไหม ซึ่งราวกั้นและบันไดเหล็กแข็งแรงปลอดภัยค่ะ

(>_<)

ระหว่างเดินลง มือเกาะราวกั้นแน่นเชียวค่ะ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นอากาศหนาว เหล็กนี่เย็นเจี๊ยบเลย ตอนลงบันไดเวียนไปเวียนมา หัวใจเต้นตุบๆ เมื่อไรจะถึงซะที

ในที่สุดก็พิชิตเส้นทางมาถึงสะพาน Honeymoon และอย่าพลาดโอกาสที่จะเดินข้ามสะพาน Honeymoon เพื่อที่เราจะยืนบน Three Sisters เสาแรก

ดีใจมากค่ะ

เห็นติดป้ายเตือนห้ามปีนเขา เราเลยคิดว่าเมื่อก่อนคงมีคนมาไต่เขาที่นี่แน่ๆ เมื่อข้ามสะพานไปก็มีเก้าอี้ให้นั่งอยู่ฝั่งโน้นได้พักชมวิว

สะพานที่เชื่อมไปที่ยอดเขา

ตอนนั้นเราก็กำลังพินิจว่าทำไมเขาถึงเรียกว่า สะพาน Honeymoon คุณลุงกะคุณป้าที่นั่งอยู่ข้างกก็อธิบายว่า “มันช่างโรแมนติกจริงๆ ถ้าใครที่มายืน Kiss กันบนสะพานนี้”

เราเองกลับกลัว ลมมันแรง กลัวแม้กระทั่งไม่กล้าหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าค่ะ  แต่ยอมรับว่าสามารถชมวิวขณะยืนอยู่กลางสะพานมันดีงามมากๆ ซึ่งทัศนียภาพสองฝั่งก็สวยงามตามธรรมชาติ

The Three Sisters

The Three Sisters เป็นหินรูปทรงแปลกตาในเทือกเขาบลูของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลียทางตอนเหนือของหุบเขา Jamison 

ทั้งนี้เราก็เดินจาก Three sister กลับมาที่ Echo point 

จะว่าไปแล้ว เราไม่ต้องขึ้นรถบัสไปที่ป้ายที่ 17 ก็ได้น่ะ เดินจากทางเข้าตรงไปก็ได้

การเดิน เริ่มต้นที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวที่ Echo Point สามารถเดินผ่านใต้ซุ้มประตูหินเก่าๆ นี้ และตรงตามมาทางที่ข้างทางเป็นพุ่มไม้ เส้นทางราบเรียบจนไปถึง Three Sisters ได้อีกด้วย

จริงๆ เขามีป้ายบอกอย่างละเอียดด้วย ถ้าจะไประยะทาง 400 เมตร เดิน 20 นาที

 

ป้ายที่ 17 Learu Carcades

พื้นที่ปิกนิก Leura Cascades เป็นสถานที่เหมาะสำหรับครอบครัวสำหรับปิกนิกก่อนที่จะชมทิวทัศน์ และสามารถเดินเล่นไปถึงอุทยานแห่งชาติ Blue Mountains

เมื่อลงจากรถบัสสิ่งที่เห็นเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ก็งงกันอีกละทีนี้ว่าจะไปทางไหนต่อ ไม่เห็นป้ายบอกทางอะไรเลยค่ะ ที่นี่แหละทำให้เราเสียเวลากัน ขนาดเปิด Google map ก็เลยยังๆ ว่าจะลงไปน้ำตกตรงไหนดี สุดท้าย ตัดสินใจถามเอาดีกว่า ยังดีว่ามีคนให้ถามทางนะเนี้ย

จากรูป บอร์ดสีขาวๆ ไม่มีข้อมูลบอกทางอะไรเลย ทำให้ตอนแรกเราไม่แน่ใจว่าใช่ทางนี้ไหม

เมื่อเดินเลาะลงไปทางด้านข้างสวนเราก็เจอน้ำตกเล็กๆ

ครั้งแรกที่เห็นก็คิดว่า น้ำตกที่ว่ามีแค่นี้เหรอ ก็แวะแป๊ปเดียวแล้วออกเดินต่อ

เดินไปได้สักประมาณ 15 นาที ก็เจอน้ำตก Learu ขณะนั้นมีฝรั่งลงเล่นน้ำ กล้ามากๆ อากาศแบบนี้เขาท้าทายความหนาวเหน็บ

เราไม่กล้าลงไปที่สระน้ำด้านล่างน้ำตกค่ะ (มีผู้ชายเต็มไปหมดเลย!)

ไม่แน่ใจว่านี้

ไม่รู้เพราะชอบดูหนังต่างประเทศที่เกี่ยวกับการลักพาตัวหรือเปล่า ไม่กล้าลงไปตรงที่กลุ่มผู้ชายแก้ผ้าเขาอยู่กันเลยได้ถ่ายอยู่แค่ด้านข้างๆ เท่านี้นะคะ

นี้เป็นเพียงสระน้ำเล็กอีกชั้นหนึ่งเท่านั้น ยังมีเป็นแอ่งด้านล่างอีกค่ะ

ตัดสินใจเดินต่อ ก็ใช้เวลาอีกประมาณ 10 นาที จนถึงหน้าผา

เส้นทางการผจญภัยเดินป่ามาเรื่อยๆ  ภูเขาข้างหน้าดูใกล้ตาขึ้นเยอะเลยค่ะ

แล้วเราก็เจอน้ำตกอีกแห่ง ช่วงนี้ไม่ใช่น้ำหลาก เลยสามารถลงไปที่น้ำตกได้ค่ะ

จบทริปสำหรับวันนี้แค่นี้ค่ะ เราเดินทางกลับด้วยบัสแดงรอบสุดท้ายตอน 5 โมงเย็น

เนื่องจากรถบัสแดงจะผ่านเมือง Learu ก่อนเมือง Katoomba เราเลยแวะลงเมือง Learu เดินเล่นแวะเข้าห้องน้ำ หาของกินรองท้องที่ Woolworth ซุปเปอร์มาร์เก็ต ระหว่างรอรถไฟจะกลับเข้าเมืองต้องเดินทางกลับอีก 2 ชั่วโมง

แวะเดินเล่นหนาวๆ มือง Learu

เราเดินทางกลับที่สถานีรถไฟเมือง Learu  ตอน 1 ทุ่ม  อากาศหนาวเหน็บสุดๆ ค่ะ

 

สรุปการเดินทาง

ข้อแนะนำ

 

 

Exit mobile version