Travel & Adventure in Thailand – Tips, Food, and Culture โดย Sandy Freestyle

เที่ยวสโนว์ Thredbo วันที่ 2 ทริปสวนทิวลิป-เล่นสโนว์ 

วันสุดท้ายนี้ของทัวร์แคนเบอร์รา 2 วัน 1 เราจะไปเที่ยวสโนว์ที่สกีรีสอร์ท Thredbo ที่อยู่ในใจกลางอุทยานแห่งชาติ Kosciuszko ในเทือกเขาสโนวี่ และเป็นสถานที่ที่คนนิยมไปเล่นสกีกัน หิมะสุดท้ายที่นั้นยังไม่ละลายเราไปกันเลย

รีวิวเที่ยวสโนว์ Thredbo 

กำหนดการวันที่ 2 วันที่ 11 กันยายน เราต้องขึ้นรถแต่เช้าตรู่ ออกรถ 6.00 AM  ทำให้เราต้องเตรียมตัวขึ้นรถก่อน 15 นาที ไกด์ของเราย้ำเสมอว่าห้ามสายไม่งั้นโดนทิ้งไว้ที่โรงแรมนะจ๊ะ

สิ่งที่ต้องเตรียมตัวสำหรับเที่ยวสโนว์

ทุกคนพร้อมมากจริงๆ เราลงมาที่ข้างล่างก็เห็นทุกคนทยอยขนของขึ้นรถกันแล้ว
จุดหมายแรกที่เราจะไปเป็นร้านเช่าชุด ถึงที่นั้นประมาณ 7.30 นาฬิกา

ยิ่งใกล้ภูเขาอากาศหนาวเปลี่ยนเป็นหนาวเหน็บ ตอนแรกคิดว่าใส่กางเกง 2 ชั้นก็น่าจะเอาอยู่ แต่ไม่ไหวค่ะ ความเย็นทะลุเสื้อผ้ากันหนาวธรรมดาไม่พอ ทำให้ยังไงก็ต้องใช้เสื้อผ้าแบบกันหิมะ หากไม่มีเสื้อสโนว์เป็นของตัวเองก็ต้องเช่าชุด

โดยราคาของเสื้อ $22, กางเกง $22, รองเท้า $13, สกี $47 และ สโนว์บอร์ด$50 ไกด์จะแจ้งราคาก่อนเดินทาง เพื่อที่เราจะตัดสินใจไว้ล่วงหน้าค่ะ

ทั้งนี้เราคิดว่าไม่ได้เล่นสกี ก็เอาแค่กางเกงกับรองเท้าก็พอ พอได้ลองใส่กางเกงสกีก็อุ่นขึ้นมาทันที ของมันต้องมีของมันต้องใช้ ถ้าใครอยากมีกาเกงสกีไว้เป็นของตัวเองก็คุ้มค่ะ หาซื้อเตรียมก่อนเที่ยวโนว์ได้เลย

ร้านเช่าที่เราจะไปอยู่ที่ด้านหลังโน้นนะคะ ด้านหน้าเป็นร้านขายของ

เมื่อเช่าชุดเรียบร้อย ด้านข้างมีร้าน McDonald’s (แมคโดนัล) ที่เราจะแวะเข้าห้องน้ำและซื้อเบอร์เกอร์เป็นอาหารติดมือไปทานที่สกีรีสอร์ท จากนั้นเราก็ออกเดินทางไปที่ Thredo ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานที่ Alpine Way และ Kosciuszko Road

ฤดูหนาว (วันหยุดยาวเดือนมิถุนายนถึงตุลาคม): $29 ต่อคันต่อวัน (24 ชั่วโมงหลังจากซื้อ); รถจักรยานยนต์ $12; ผู้โดยสารรถบัส 11.45 ดอลลาร์ต่อผู้ใหญ่ $3.60 ต่อเด็กหนึ่งคนต่อวัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมแรกเข้าในฤดูหนาว  (ข้อมูลเพิ่มเติม National Park NSW)

ในที่สุดเราก็มาถึง Thredbo ประมาณ 9.30 เกือบลืมเล่าไปว่า ทุกครั้งที่แยกกับไกด์เราจะชอบถ่ายรูปรถไว้ เผื่อตัวเองจำไม่ได้ว่ารถคันไหน หรือจอดไว้ที่ไหน เพราะตอนขากลับขึ้นรถจะมีรถทัวร์หลายคันจอดอยู่นั้นเอง

คราวนี้เราจะอยู่ที่นี่ประมาณสามชั่วโมงครึ่ง เพราะฉะนั้นเราต้องวางแผนกันว่าจะทำกิจกรรมอะไร ซึ่งมี 3 ตัวเลือก ดังนี้

สำหรับเราเลือกที่จะนั่ง Gondola ขึ้นภูเขาไปสัมผัสอากาศข้างบน และก็จะเดินสำรวจแถวนั้นว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง จะได้รีวิวบอกต่อสำหรับคนที่สนใจว่าเที่ยว Thredbo มีอะไรน่าสนใจ

จากลานจอดรถเดินข้ามถนนทางม้าลายมาเราจะพบ Friday Flat ซึ่งเป็นลานที่นั่งพัก ที่รับประทานอาหาร ห้องน้ำ และยังเป็นลานฝึกเล่นสกี Beginner Bowl

ร้านเล็กๆ นี้ขายเครื่องดื่มชา กาแฟ และอีกด้านหลังจะเป็นคลับที่ขายอาหารฝรั่ง และบริหารห้องน้ำ

 

สังเกตเห็นไหมว่าบนยอดภูเขาไอขาวๆ ไม่ใช่หมอกแน่ๆ น่าจะเป็นหิมะที่กำลังละเหยจากอากาศอุ่นขึ้นนั้นเอง

จากจุดนี้คนที่เล่นสกีจะขึ้นกระเช้าห้อยขา Chairlift ขึ้นไปเล่นสกีด้านบน

ที่ลาน Friday Flat เขาจะกั้นที่สำหรับเด็กและคนที่ฝึกใหม่

ต่อแถวขึ้นกระเช้านั่งไปด้านบน

ไปกันต่อค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาจะไปขึ้นกระเช้านั่ง Gondola จะต้องนั่งต่อบัสไปที่ Valley Terminal ใช้เวลาประมาณ 10 นาที

จุดที่ต้องขึ้นบัสนี้อยู่ตรงทางม้าลายที่เราเดินผ่านมาในตอนแรกค่ะ หรือดูได้จากป้ายชี้ทางไป Thredbo Village

พอลงจากรถบัสเราก็เดินข้ามสะพานไปฝั่งตรงข้าม Valley Terminal จะเป็นจุดขึ้นไปบนภูขาด้วยกระเช้า

เราต้องไปซื้อตั๋วเองที่อยู่ทางด้านซ้ายมือ ตอนแรกไปก็แอบหลงนิดหน่อย เพราะเห็นทางกระเช้าที่อยู่ทางขวามือ เราก็มุ่งหน้าเดินตรงไปที่นั้นทันที ทำให้ต้องย้อนกลับมา

การซื้อตั๋ว Thredbo จะมีการทำข้อมูลของเราลงบัตร ชื่อ ถ่ายรูปหน้า แสดงพาสปอร์ต โดยมีค่าทำเนียม $59 ต่อคน

ตั๋วเป็นบัตรอิเล็กโทรนิกที่เราจะเอาแตะกับประตูทางเข้า และครั้งต่อไปสามารถกลับเอาใช้ใหม่ด้วยการเติมเงิน

เรามาถึงทางขึ้นตอน 10 โมงเช้าก็ถือว่าไม่สายมาก คนก็ไม่เยอะมากเท่าไหร

แอบตื่นเต้นนิดหนึ่งว่าข้างบนจะเป็นอย่างไร ตลอดทางก็กังวลตลอดว่าเรามาเที่ยวปลายฤดูหนาว

ถึงอย่างไรก็ตามเราก็ได้มาสัมผัสอากาศบนภูเขา ชื่นชมความสูงทัศนียภาพสวยงามจากหมู่บ้านที่อยู่ด้านล่าง

Merritts Gondola (กอนโดลา) เป็นกระเช้าที่นั่งได้สูงสุด 8 คน แต่เราว่า 6 คนก็พวกแล้วมั่ง ใจหวิวๆ ตอนมันแกว่งเบาๆ จากด้านล่างถึงข้างบนใช้เวลา 6 นาที

นักท่องเที่ยวจะนั่งกระเช้ากอนโดลาขึ้นไปบนยอด เพื่อชมวิวภูเขาหิมะอย่างใกล้ชิด ร่วมทั้งรับประทานอาหารและเบียร์ ที่ Merritts Mountain House

พอขึ้นไปได้ครึ่งทางก็เริ่มเห็นหิมะแล้ว เพื่อให้คุ้มและยังพอมีเวลาเหลือ เรานั่งกระเช้านี้ไปถึง 2 รอบเลยทีเดียว

ในที่สุดก็มาถึงด้านบนแล้ว อากาศด้านบนหนาวเย็นมากกกก สมแล้วที่อยู่บนยอดเขา

เราก็ตัดสินใจทานอาหารเช้าที่นำมาจากที่โรงแรมกันที่นี่ค่ะ

เราเห็นลานที่นั่งและ Merritts Mountain House เรียกได้ว่าจุดแวะพักที่มีร้านอาหาร ห้องน้ำ และศูนย์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

หิมะด้านบนสวยมาก ความขาวของหิมะกระทบกับแสงแดด ดูสว่างจ้าจนแสบตามากๆ อย่าลืมพกแว่นกันแดดและทาครีมกันแดดหนาๆ กันมากด้วยนะจ๊ะ เพราะเราจะอยู่จุดที่ใกล้พระอาทิตย์มากๆ

จุดแวะพักนี้เป็นจุดสูงสุดของกระเช้า Merritts Gondola

พื้นลื่นมากๆ เดินระวังกันด้วยนะจ๊ะ

คนเล่นสกีก็เก่งกันจังเลย เราเองจะเดินก็ระวังจะไปขว้างทางเขา

จากที่ตั้งใจว่าจะปั้นหิมะเป็นตุ๊กตา ขอล้มเลิกค่ะ แค่สัมผัสเกล็ดหิมะมือก็แข็งชาจะแย่แล้ว งั้นขอแค่ได้จับก็พอใจแล้ว

ด้วยหิมะที่แข็งตัวทำให้พื้นที่บางส่วนเขาไม่ให้เราเข้าไป และเป็นทางผ่านของพวกเล่นสกี ตรงนั้นจะอันตรายมากๆ

ดังนั้น เราก็ลัดเลาะหาที่ใกล้ๆ แถวต้นไม้ที่พอจะเก็บภาพประทับใจเท่าที่จะทำได้

มารีวิวอาหารกล่องจากทัวร์ที่แจกให้เราตั้งแต่เมื่อวาน

มื้อเช้านี้เราจะทานคอนเฟลกและนมจืดใส่ถ้วยพลาสติกใส และมีธัญพืชแท่งกรอบหวาน ตบท้ายด้วยน้ำส้ม

แน่นอนว่าแค่นี้ไม่ยังพอเรายังมีพายที่ได้จากวันก่อน โดยอุ่นด้วยไมโครเวฟตั้งแต่เช้าและเอาติดมาด้วย  ซึ่งเพื่อนร่วมทางบางคนก็ซื้อเบอร์เกอร์ขึ้นมาด้วย

นักท่องเที่ยวที่นั่งพักก็สามารถสั่งอาหารมาทานที่ลานนั่ง และมีส่วนมากนั่งดื่มเบียร์กัน แหม่ดูเขาเฮฮาฟินกันจริงๆ

และแล้วก็ได้ปั้นหิมะก้อนโตๆ สมใจแล้วค่ะ …….จริงๆ แล้วเป็นผลงานของคนอื่นที่ทำทิ้งไว้ต่างหาก

ใครจะไปจับหิมะช่วงนี้ได้มันจับตัวแข็งปั้นยากมาก มือพังกันก่อนพอดี

Thredbo Ski Patrol เป็นหน่วยลาดตระเวนสกี Thredbo

เมื่อใช้เวลาจนคุ้มกันบนภูเขา ขากลับเราจะนั่งบัสกลับไปที่ Friday Flat ค่ะ

ซึ่งบัสก็เป็นคันเดียวกับที่เรามานั้นเองเขาก็ขับวนไปมารับส่งนักท่องเที่ยว

เมื่อกลับลงมาแล้วก็เริ่มหิว เราก็ซื้อน้ำร้อนราคา $4 (แค่น้ำก็ต้องซื้อนะไม่มีอะไรฟรี) และช็อตโกแลตร้อน 1 ถ้วย ก่อนจะเตรียมขึ้นรถ

ต้มยำกุ้งช่วยฟื้นคืนชีพ ไม่ว่าจะไปเที่ยวไหนก็ต้องพกติดตัวไปด้วย ฮะฮะฮ่าาา

พอเวลายังเหลืออยู่เราก็เดินไปรอบๆ จนเจอลำธารเล็กๆ หรือนี้จะเป็นน้ำจากที่หิมะละลายกันน่ะ

เราก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนเจอร้านอาหารริมลำธาร เสียดายไม่รู้ว่ามีร้านอยู่ตรงนี้ด้วยไม่งั้นจะได้ลองนั่งใช้เวลาที่นี่สักเล็กน้อยก็คงดี

ร้านนี้ด้านหน้าอยู่ติดถนน และด้านหลังเป็นลำธาร บรรยายกาศดีเวอร์

สำหรับตัวเองเวลาไปเที่ยวที่ไหน ชอบเดินสำรวจว่าแถวนั้นมีอะไรบ้าง ถนนหนทางเป็นอย่างไร อย่างหนึ่งก็จะได้มาแชร์ให้คนที่สนใจว่า ถ้าไปเที่ยวที่นั้นแล้วจะเจออะไรบ้าง

ทั้งนี้การไปแต่ละครั้งก็อาจจะมีบางอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ เราก็หวังว่าการรีวิวเที่ยว 1 คืน 2 วัน เที่ยวสวนทิวลิป และเล่นสโนว์ จะมีประโยชน์กับการตัดสินใจวางแผนเที่ยวครั้งหน้ากันนะจ๊ะ

ลาก่อนหิมะสุดท้ายของปี ค.ศ. 2022 ถึงจะมาช้าแต่ก็ทันได้เจอกันน่ะ
คำถามยอดฮิต เที่ยวสโนว์ที่ไหนดี ระหว่าง Perisher และ Thredbo

Perisher และ Thredbo ตั้งอยู่ในเทือกเขา Snowy Mountains และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Kosciuszko ซึ่งเป็นภูมิประเทศแบบ Alpine  ที่มีแม่น้ำ ภูเขา ลานสกี ถ้ำ และทะเลสาบน้ำแข็ง

ทั้งนี้ Perisher สูงกว่า Thredbo และใหญ่ที่สุดในภูเขาหิมะของประเทศออสเตรเลีย อีกทั้งมีพื้นที่เล่นสกีได้ 4 แห่ง ได้แก่ Perisher Valley, Smiggin Holes, Guthega และ Blue Cow อีกทั้งยังมีลานสไลด์เดอร์สำหรับเด็กๆ  แต่ Thredbo ได้ยกเลิกไม่ให้มีการเล่นสไลด์ เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย

คลิก แผนที่ Perisher

 

Exit mobile version